เขียนบล็อกบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป
ทำไมเว็บไซต์ Drupal ถึงยังตกค้างอยู่รุ่นเก่ากันเยอะ ไม่พากันย้ายไป Drupal รุ่นล่าสุดกันสักที ปัญหายากๆ สำหรับ User ทั่วไป
ในอนาคต ปัญหาเว็บไซต์ที่ทำด้วย Drupal ในรุ่นหลักต่างๆ จะไม่มีการอัปเกรด จะเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ชิน
เพราะตามนโยบายของ Drupal ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์แสดงรายละเอียดไว้ว่า ทาง Drupal จะออกรุ่นหลักทุกๆ 2 ปี แล้วรุ่นเก่าๆ ก็จะทยอยเลิกการสนับสนุนไปตามลำดับ
มันจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ถ้าการอัปเกรดเวอร์ชันหลักของ Drupal มันทำได้ง่ายๆ เหมือนอัปเดตรุ่นย่อย หรือมีการอัปเกรดคล้ายๆ WordPress แต่ในความเป็นจริงคือ Drupal อัปเกรดจากรุ่นเดิมไปรุ่นใหม่ได้ยาก (มาก) สำหรับ User ธรรมดา (และประเด็นนี้ก็มีการถกเถียงกันในฟอรั่มหลักของ Drupal อยู่เนืองๆ)
บันทึกวันรับปริญญา 9/11/2565
บันทึกวันรับปริญญา
วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน2565 เวลา10:00 น. โดยประมาณ
ที่จริงผมเรียนจบมาได้ราวๆ สองปีแล้ว เนื่องเพราะเรียนช้าไปสองปี ดังนั้นปีที่ผมจบ ผมเลยมีอายุราวๆ 24 – 25 ปี พอจบ ก็มาทำงานเพื่อรอเอาใบปริญญา
แจกใบปริญญาช้าขนาดนี้ ผู้อ่านที่หลงเข้ามาอ่านหลายคนก็คงจะพอเดาได้คร่าวๆ แล้วว่า ผมจบจากที่ไหน ใช่ครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนก็คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนั่นเอง ซึ่งจังหวัดที่ผมเรียนก็คือ จังหวัดมหาสารคาม รวมกันเข้าเป็นชื่อมหาวิทยาลัยว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (RMU)” นั่นเอง
ความรู้สึกของผม เมื่อได้ใช้งาน Drupal 9
มีโอกาสได้เล่น Drupal9 อย่างจริงจังแล้ว การทำงานต่างๆ ไม่ต่างจาก Drupal7 มาก ถ้าเคยใช้ Drupal7 มาก่อนก็พอจับทางได้ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่สิ่งที่คิดคือ สำหรับคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่แล้ว Drupal9 ถือว่ามีเมนูการทำงานที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก จะหาอะไร จะทำอะไรก็ยาก เพราะเมนูของเครื่องมือแต่ละตัว ไม่ได้รวมกันไว้เหมือน Drupal7 เช่นการจัดการช่องข้อมูลหรือ Fields ซึ่งถ้าเป็น Drupal7 มันจะสามารถตั้งค่าการทำงาน ตั้งค่าการแสดงผลในที่เดียวกันได้แทบจะครอบคลุมทั้งหมด
Translate the user interface in Drupal to Thai language ไฟล์ Drupal ภาษาไทย
hello
This is Drupal's Thai language file.
can be used together
อันนี้คือไฟล์ Drupal ภาษาไทย เพียงแค่คุณนำไฟล์นี้ไปใส่ในตัวไฟล์ภาษาของ Drupal เมนูเว็บของคุณก็จะเปลี่ยนเป็นภาษาไทย
นำไปใช้กันได้เลย
ผมมองเห็นอะไรจากการทำเว็บนิยายออนไลน์ (เล่นๆ) มาเกือบ 7 ปี สิ่งที่คนจะทำเว็บนิยายออนไลน์ต้องอ่านก่อนทำเว็บไซต์
ผมมองเห็นอะไรจากการทำเว็บนิยายออนไลน์ (เล่นๆ) มาเกือบ 7 ปี
อย่างแรกเลยก็คือ ถ้าเว็บไม่สวย ระบบไม่ดีกว่าเจ้าเดิมในตลาด เราจะแข่งขันยาก เพราะอย่าลืมว่าเนื้อหาบนเว็บ หลักๆ เราได้จากนักเขียน ดังนั้นนักเขียนอยู่ไหน คนอ่านก็อยู่นั่น ในทางกลับกันเมื่อมีเนื้อหาเยอะ คนอ่านก็จะไปรวมตัวกันอยู่พื้นที่นั้นด้วยเช่นกัน
ซึ่งอย่าลืมว่า ยิ่งระบบทำความเข้าใจได้ง่ายมากแค่ไหน โดยเฉพาะระบบลงเนื้อหา ระบบขาย ระบบตรวจสอบข้อมูลของนักเขียน รวมถึงระบบการซื้อ ถ้ามันง่าย โอกาสที่เราจะดึงคนมาก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเขามองว่าระบบใช้ง่ายกว่าเจ้าเดิม ดีกว่าเจ้าเดิม คนเขาก็จะชักชวนกันมา
ทำไมผมถึงคิดว่า โปรเกรสซีฟเว็บแอป (PWA) จะมาแทนที่แอปพลิเคชันในอีกไม่ช้า
คิดว่าหลายๆ คน คงจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคำว่าโปรเกรสซีฟเว็บแอป (Progressive Web Apps) หรือที่เรียกกันอย่างย่อๆ ว่า PWA กันสักเท่าไหร่ แต่เชื่อหรือไม่ว่า อีกไม่นาน เจ้าตัวโปรเกรสซีฟเว็บแอปนี่แหละ มีแนวโน้มที่จะมาแทนที่แอปพลิเคชันที่เรามักนิยมติดตั้งกันลงในสมาร์ทโฟน
โปรเกรสซีฟเว็บแอป และแอปพลิเคชันแตกต่างกันอย่างไร?
หากจะให้อธิบายแบบง่ายๆ เมื่อเรานึกถึงแอปพลิเคชัน ก็คือเวลาเราต้องการใช้งาน หรือใช้ฟังก์ชันต่างๆ ของบริการไหนสักบริการ เราก็จะต้องดาวน์โหลดตัวไฟล์ หรือตัวแอปพลิเคชันนั้นๆ ให้เข้ามาอยู่ในเครื่องของเรา เราถึงจะใช้งานสิ่งที่เราต้องการได้อย่างสะดวก
ทักษะการสรุปความ ตีความ ใครว่าไม่จำเป็น
ผมว่าปัญหาของคนไทยยุคใหม่ที่ชัดเจนคือ เวลาอ่านขาดการสรุปความและตีความ ขาดการทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองอ่าน
ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น? นั่นเพราะหลายครั้งที่ผมเห็นใครหลายคนมักตั้งกระทู้หรือโพสต์ในเชิงขอความช่วยเหลือประมาณว่า อ่านแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจ อ่านแล้วยังงงๆ อ่านแล้วเนื้อหาเยอะเกิน สรุปให้เข้าใจง่ายๆ หน่อยได้ไหม
จุดเปลี่ยนในช่วงหนึ่งของชีวิต
มานั่งนึกดู ผมว่า ผมก็มีจุดเปลี่ยนในช่วงชีวิตของผมไม่น้อยเหมือนกัน แถมจุดเปลี่ยนในแต่ละครั้ง ยังเปลี่ยนการดำเนินชีวิตไปเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสังคม กลุ่มเพื่อน หรือแม้กระทั่งการเรียน รวมถึงสายงานที่ทำ
แต่ก่อนจะเปลี่ยนสาย ก็จะมีวางแผนไว้บ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนหนึ่งที่กล้าทำ เพราะภาระความรับผิดชอบยังไม่มีด้วยนั่นแหละ (แน่ละ ยังวัยรุ่นอยู่ 55)
เริ่มแรกอยากจะเป็นนักดนตรี ตอนนั้นอายุอยู่ระหว่าง ม.ต้น ก็ลุยเลยเต็มที่ ทั้งไปซื้อแผ่นซีดีมาเรียน หาดูวิดีโอตามเน็ต รวมถึงเข้าไปเรียนที่วิทยาลัยนาฏสิลป์
ว่าด้วยเรื่องการอ่านนิยาย และเสพงานเขียนและงานศิลปะ
ไปเจอประเด็นหนึ่งในโซเชียล ว่าด้วยเรื่องสำนวนการเขียนของนักเขียน ที่หลายคนมองว่า นักเขียนบางคนใช้คำซับซ้อน หรือยากต่อการทำความเข้าใจ ทำให้ไม่อยากอ่าน และอยากให้นักเขียนหันมาใช้คำง่ายๆ หยาบๆ หรือใช้คำตรงตัวเหมือนนิยายแชท หรือนิยาย NC ตบจูบบางเรื่องไปเลย
ผมมองว่าคิดแบบนั้นก็ไม่ถูก และก็ไม่ผิด แต่อยากให้เข้าใจว่า งานเขียนมันคืองานศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งคนเราเข้าถึงได้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ดังนั้นการเสพงานของแต่ละคนจึงเข้าถึงได้ไม่เท่ากัน
บางคนเข้าถึงได้แค่เนื้อหาภายนอก เช่นใคร ชื่ออะไร ทำอะไร อยู่ที่ไหน อย่างไร สนุก ไม่สนุก