หากผมเป็นหน่วยงานเล็กๆ ที่ไม่มีผู้ดูแลเว็บไซต์คอยอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ ผมจะใช้ Drupal
เพราะตัว Drupal เองมีระบบความปลอดภัยสูง ตั้งค่าการเข้าถึงในรูปแบบที่ซับซ้อนได้ง่าย ที่สำคัญคือมีองค์กรณ์ชื่อดังระดับโลกหลายแห่งเลือกใช้
สิ่งที่ผมอยากบอกคือ ตัว Drupal เป็น CMS ที่ทนไม้ทนมือ พังยาก บางเว็บไซต์ใช้งานมาเป็นสิบๆ ปีก็ยังอยู่ได้ ทั้งที่ไม่มีการอัปเดตอะไร ซึ่งแม้ว่าการที่ไม่อัปเดตเว็บไซต์ให้ทันสมัยอยู่เสมอมันจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ แต่มันก็พูดได้ว่า สำหรับองค์กรที่ไม่มีนักทำเว็บไซต์ประจำ การที่ใช้เว็บไซต์ที่ทนไม้ทนมือคือสิ่งที่จำเป็น
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า Drupal ปลอดภัยเหนือกว่าเครื่องมือตัวอื่น แต่แค่มันใช้ยาก เลยมีคนใช้กันน้อย พวกกลุ่มโจมตีมันเลยมองข้าม
แต่ถ้ามีนักทำเว็บไซต์ดูแลประจำ คอยอัปเดตเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ต้องการใช้งาน CMS ที่มีคนใช้กันเยอะ ผมจะแนะนำให้ใช้ WordPress
เพราะ WordPress คือ CMS อันดับหนึ่งของโลก มีส่วนเสริมมากมาย ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ยืดหยุ่นได้ด้วยส่วนเสริมต่างๆ หาคนดูแลก็ง่าย
แต่เนื่องจากเป็นเครื่องมือยอดนิยม มีคนใช้เยอะ WordPress จึงมักจะเป็นเป้าหมายการโจมตีหลักๆ ของผู้ไม่หวังดี เพราะพัฒนาโปรแกรมเจาะเว็บไซต์ครั้งเดียว โจมตีได้หลายเว็บ เพราะแบบนั้นจึงต้องมีคนคอยอัปเดตความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ว่าระบบความปลอดภัยของ WordPress สู้ตัวอื่นไม่ได้ แต่แค่คนใช้เยอะ ส่วนเสริมเยอะ มันเป็นเครื่องมือยอดนิยม จึงมักถูกเล็งโจมตีมากกว่า CMS ตัวอื่น เมื่อมีการโจมตีก็ต้องพัฒนาระบบเพื่อป้องกัน มันเลยต้องอัปเดตอยู่บ่อยๆ
ด้วยเหตุที่ว่าต้องอัปเดตบ่อยเพื่อความปลอดภัย ถ้าไม่มีคนดูแลประจำ ก็มีโอกาสที่ WordPress จะถูกเจาะ รวมถึงการอัปดตแต่ละครั้ง ก็อาจทำให้ส่วนเสริมบางตัวทำงานผิดปกติ ผู้ดูแลจึงต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง สำหรับองค์กรบางองค์กรที่ทำเว็บเสร็จแล้วปล่อยยาว มันเลยไม่ค่อยโอเค
พิมพ์มาถึงตรงนี้ ผมแค่อยากบอกว่า เครื่องมือแต่ละตัวมีข้อเสียของมัน เราควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม ซึ่งอันนี้ผมไม่ได้พูดในเชิงการพัฒนาเว็บไซต์ แค่ต้องการสื่อในเชิงของหน่วยงานที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ว่าควรจะเลือกแบบไหน
ที่พิมพ์มาซะยาว ก็แค่ผมไม่รู้จะพิมพ์อะไร เลยเลือกโพสต์เป็นเรื่องพวกนี้แทน สำหรับใครที่อ่านจนจบ ผมต้องออกตัวก่อนว่านี่คือความคิดส่วนตัวของผม ใช้อ้างอิงอะไรไม่ได้ และผมยอมรับในความคิดต่างเสมอ
นี่ก็เป็นแค่การพิมพ์เล่าสู่กันฟัง
ผมไม่ได้โพสต์อะไรเป็นเรื่องเป็นราวนานพอสมควร ก็เลยเอาเรื่องนี้มาพิมพ์ครับ
- 358 reads