-A A +A
category:

บันทึกวันรับปริญญา

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน2565 เวลา10:00 น. โดยประมาณ

ที่จริงผมเรียนจบมาได้ราวๆ สองปีแล้ว เนื่องเพราะเรียนช้าไปสองปี ดังนั้นปีที่ผมจบ ผมเลยมีอายุราวๆ 24 – 25 ปี พอจบ ก็มาทำงานเพื่อรอเอาใบปริญญา

แจกใบปริญญาช้าขนาดนี้ ผู้อ่านที่หลงเข้ามาอ่านหลายคนก็คงจะพอเดาได้คร่าวๆ แล้วว่า ผมจบจากที่ไหน ใช่ครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนก็คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนั่นเอง ซึ่งจังหวัดที่ผมเรียนก็คือ จังหวัดมหาสารคาม รวมกันเข้าเป็นชื่อมหาวิทยาลัยว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (RMU)” นั่นเอง

เวลาเอาที่เรียนไปพูดกับใครต่อใคร มักมีใครเข้าใจผิดกันเสมอ เพราะเขานึกว่าผมเรียนที่มหาวิทยาลัยสารคาม (มมส) ซึ่งมันเป็นมหา’ลัยที่มีชื่อเรียกใกล้เคียงกัน แถมตั้งอยู่ติดๆ กันอีกต่างหาก บางคนคิดว่ามันเป็นมหา’ลัยเดียวกันเลยก็มี ซึ่งบางทีก็ปฏิเสธไป บางทีขี้เกียจก็ปล่อยไปเลยตามเลย

ที่จริง เพื่อนๆ ที่เขาเข้าพิธีรับ เขารับในช่วงวันที่ 18 – 20 ของเดือนกันยายน 2565 แต่ด้วยผมไม่ชอบความวุ่นวาย ผมเลยไม่ไปเอาในพิธี คิดว่ารับที่มหา’ลัยภายหลังสะดวกและเรียบง่ายกว่า

เบื้องต้นวางแผนเอาไว้ ว่าจะไปรับภายหลังพิธีสักสิบกว่าวัน ไปๆ มาๆ ช่วงนั้นพายุเข้าเมืองไทยติดต่อกันหลายลูกมาก เลยทำให้หลายพื้นที่น้ำท่วมหนัก อย่างอำเภอผม รอบนอกนี่ท่วมหมด เล่นเอาเขตอำเภอที่ยังไม่ท่วมกับเขากลายเป็นเกาะกลางทะเลไปเลย จังหวัดแถวภาคอีสานท่วมแทบทุกจังหวัด เลยไปเอาไม่ได้

ภายหลังน้ำเริ่มลด เลยกะว่าจะไปเอาวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับวันจันทร์ แต่ก็มีญาติๆ หลายคนขอให้เลื่อน เพราะอยากตามไปด้วย แต่ไม่ว่าง

เลยคุยกันว่าจะเลื่อนไปเอาวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน แต่ก็จำต้องเลื่อนอีกรอบ เพราะมันดันตรงกับวันลอยกระทง ซึ่งพ่อกับแม่ไม่อยากปิดร้าน เพราะคิดว่าที่หน้าร้านคงจะขายของดี

ในที่สุด แผนการไปรับใบปริญญาที่มหา’ลัย เลยมาลงตัวเอาวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565

วันนั้นเราเดินทางกันแต่เช้า ในเวลาประมาณเจ็ดโมงนิดๆ โดยผู้ร่วมคณะการเดินทางก็จะมีคุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย คุณลุง และผม

จากอำเภอราศีไศลจังหวัดศรีสะเกษ เข้าไปถึงอำเภอเมืองมหาสารคาม มีระยะทางคร่าวๆ ราว 200 กว่ากิโลเมตร แต่เราก็ขับรถกันไม่เร็วนัก จึงไปถึงเอาราวๆ สิบโมงเช้าเกือบสิบเอ็ดโมง

ไปถึงก็เดินขึ้นตึกสิบห้าชั้น ซึ่งเป็นตึกอำนวยการเพื่อไปติดต่อขอรับใบปริญญา ทีแรกคุณแม่ของผมนึกว่ามันจะนานและยุ่งยาก เลยเตรียมทั้งชุด ทั้งเอกสารอะไรต่อมิอะไรมาเยอะแยะไปหมด ที่ไหนได้ พอไปดำเนินการจริงๆ ใช้แค่บัตรประชาชน และใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ได้ใบปริญญามาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว เล่นเอาคุณแม่ผมท่านงงไปพักใหญ่เลยทีเดียว

หลังจากได้ใบปริญญามาแล้ว ผมและคณะก็ไปถ่ายภาพกันตามมุมต่างๆ ของมหา’ลัยนั่นแหละ ถ่ายกันแบบง่ายๆ ชิลๆ ไม่มีพิธีอะไรมากมาย ไม่ต้องไปเข้ารับในพิธีมอบใบปริญญาให้เหนื่อย เสียเงินเสียทองมากมาย เพื่อภาพการรับกับบุคคลสำคัญเพียงไม่กี่ภาพ ส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยคุ้ม แต่หากหลายคนมองว่าคุ้มก็ไม่เป็นไรครับ ต่างคนต่างความคิด

เมื่อเก็บภาพกันจนหนำใจแล้ว เราก็ไปที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อไปเยี่ยมเยือนพี่ชายของผม จากนั้นก็ไปกินเลี้ยงกันที่ร้านอาหาร 8 ริ้ว (ชื่อร้าน ไม่ใช่ชื่ออำเภอ) อาหารก็มีตั้งแต่ส้มตำ ต้มไก่ น้ำตกหมู ไก่ย่าง ร้านนี้อาหารค่อนข้างอร่อย คนเยอะมากมาย แต่ยังดีที่มีที่จอดรถเพียงพอ สถานที่ก็กว้างขวาง เลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับคณะของเรา

กินกันเสร็จก็ราวๆ บ่ายโมง เราก็เลยตัดสินใจไปซื้อกาแฟอเมซอนสาขาใกล้เคียงแถวนั้นต่ออีกคนละแก้ว โดยมีคุณลุงเป็นเจ้าภาพ แล้วหอบกับไปนั่งดื่มกันที่บ้านพี่ชายผม

นั่งคุยสารทุกข์สุขดิบกันสักราวๆ สองชั่วโมงจนเกือบบ่ายสามโมง จึงพากันกลับ กว่าจะมาถึงบ้านก็ห้าโมงเย็นพอดี

คุยกันไปกันมา เลยว่าจะพากันไปกินข้าวที่บ้านยายต่อ กว่าจะกลับจากบ้านยายก็ราวๆ สามทุ่ม สรุปวันนั้น ผมกลับเข้าบ้านพักผ่อนจริงๆ ก็ราวๆ สามทุ่มครึ่ง

สรุปว่า ผมเรียนจบตอนอายุราวๆ ยี่สิบห้า ได้รับปริญญาตอนอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดย่างเข้ายี่สิบแปดปี

เป็นอันว่า วันรับปริญญาวันนั้น อิ่มอกอิ่มใจ และสนุกมากครับ แม้ว่าจะไม่ได้ไปรับในพิธี แต่ขอแค่มีเพื่อนพี่น้อง มารวมตัวกัน คุยกัน ผมว่านั่นสำคัญกว่า

บันทึกย้อนหลังในวันสุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08:02 น.

Shared: